ส่วนมาม่าฟ้าธานีนั้น ก็อันเนื่องมาจากสมัยเรียนที่ ม.ช. จะมีซอยหลังโรงหนังฟ้าธานี (ในสมัยนั้น) มีร้านขายมาม่าต้มโดยเฉพาะเลย อร่อยสุดๆ ขายดีชนิดที่คนไปกินต้องยอมนั่งรอคิวกันเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว จะขายดีมากๆ ตั้งแต่ช่วงตั้งแต่บ่าย 3 โมงเย็น ไปจนถึงประมาณเกือบตี 2 ถ้าของในร้านยังไม่หมดนะ เรื่องรสชาดจริงๆ ก็รสชาดมาม่าต้มนั่นแหละ ป้าคนทำเค้ามีสูตรตรงน้ำซุป และพริกป่นที่เอาไปผัดกับกระเทียมเจียวจนหอม และต้องเผ็ด ส่วนประกอบอื่นๆ ก็มีมาม่า ร้านป้าเค้าจะใช้มาม่าต้มยำ เป็นหลัก ขนกันมาคืนหนึ่งหลายกล่องกันเลยทีเดียว นอกจากนี้เครื่องปรุงหลักๆ ก็จะมี ปลาหมึกแห้งฉีกเป็นเส้นเล็กๆ ผักกาดกวางตุ้ง เอามาทานแกล้มเป็นผักสดๆ ได้ด้วย ทำให้น้ำซุปไม่จืด ....คิดแล้วน้ำลายสอ จะสั่งแบบใส่ไข่, ไม่ไส่ไข่, ไม่เผ็ด ได้ทั้งนั้น ราคาถ้าจำไม่ผิดธรรมดาๆ ใส่ไข่ ก็ 25 บาท ไม่ใส่ไข่ 20 ถ้าพิเศษก็ 30 (มาม่า 2 ห่อ)
นอกจากนี้บางวันป้าเค้าก็จะทอดปลาหมึกสด โดยเอาไปชุบแป้งทอด ขายไปด้วย ให้คนมารอซื้อไปนั่งกินเล่นๆ ระหว่างรอคิว หรือจะซื้อกลับบ้านก็ได้ ถุงละ 10 บาท
แต่ปัจจุบันนี้ไม่รู้ร้านแกย้ายไปอยู่ไหนแล้ว เมื่อหลายปีก่อนได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่แถวสันติธรรม แต่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าแล้วมาดูกันเลยดีกว่า
เริ่มจากเตรียมเครื่องปรุงก็จะมีมาม่า เลือกยี่ห้อตามชอบใจเราชอบ Oriental Kitchen เพราะรสชาดจัดดี และเส้นใหญ่ นุ่มกว่ามาม่าต้มยำธรรมดา, ไข่, ลูกชิ้นหมู, ปลาหมึก, ผักกาดกวางตุ้ง หรือผักอื่นๆ ตามชอบใจ
มาถึงวิธีทำกัน อันดับแรกก็ต้มน้ำให้เดือด โดยกะปริมาณน้ำให้พอดีกับมาม่าและเครื่องปรุง น้ำไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้รสชาดมันไม่เข้มข้น พอน้ำเดือดก็ใส่ปลาหมึกลงไปก่อนเลย เพราะปลาหมึกแห้งจะเหนียว
ของ Oriental Kitchen จะใช้เวลาต้มนานกว่ามาม่าธรรมดานิดหน่อยค่ะ ต้มไปจนเส้นเริ่มนุ่ม
พอผักเริ่มสุก ก็ตอกไข่ลงไป ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่
จากนั้นก็ต้มไปอีกสักพัก ทั้งเส้นมาม่า, ผัก และลูกชิ้นก็จะได้ที่ ส่วนไข่ก็จะเริ่มสุก เราชอบไข่ที่ไม่สุกมาก ก็เลยต้มเอาแค่ไข่ขาวจับตัวกันก็ ok แล้วค่ะ ปิดไฟ
เทใช่ชาม น้ำน้อยไปนิด แต่รสจัดค่ะ
เวลาทานก็เติมพริกป่นที่เอาไปผัดกับกระเทียมเจียว รับรอง รสชาดเดียวกันกับมาม่าฟ้าธานีเลยล่ะค่ะ
นี่แหละค่ะ อาหารง่ายๆ ที่สุดนอกเหนือจากไข่ต้ม และไข่เจียว ที่คนทำกับข้าวไม่เป็นก็สามารถทำได้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น